กสิกรไทยใช้ระบบไอทีหลักใหม่ สู่ผู้นำนวัตกรรมบริการดิจิทัล แบงกิ้ง พร้อมรองรับธุรกรรมมหาศาล และเชื่อมต่อเทคโนโลยีล้ำสมัยในอนาคต
ธนาคารกสิกรไทยประกาศใช้งานระบบไอทีหลักใหม่ต่อยอดธุรกิจลุยศึกดิจิทัล แบงกิ้ง พร้อมครองความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมบริการ สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์เทคโนโลยีทันสมัยต่าง ๆ ของลูกค้าอย่างทันท่วงที เพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ
นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้เปลี่ยนระบบไอทีหลัก (Core Banking) เป็นระบบใหม่เรียบร้อยแล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งธนาคารฯ ต้องขอออภัยลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างสูงที่ได้รับความไม่สะดวกในช่วงเวลาการปรับปรุงระบบและขอบคุณที่กรุณาอดทน ส่งผลให้การพัฒนาระบบของธนาคารฯ สำเร็จด้วยดี สำหรับระบบไอทีหลักใหม่ของธนาคารฯ จะเป็นระบบที่ช่วยเสริมศักยภาพระบบฐานข้อมูลลูกค้าของธนาคารฯให้มีความเสถียร ถูกต้องแม่นยำ และเชื่อมต่อกันในทุกช่องทางยิ่งขึ้น สามารถรองรับการออกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มตัว ซึ่งบริการดิจิทัล แบงกิ้ง จะมีบทบาทมากขึ้นอย่างทวีคูณ และธนาคารฯ จะพัฒนาบริการให้ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะได้เห็นต่อไป คือ ธนาคารกสิกรไทย มีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมบริการดิจิทัล แบงกิ้ง เพื่อรองรับการใช้งานที่มีการขยายตัว ทั้งจำนวนผู้ใช้งานและยอดธุรกรรม ดังนั้น ธนาคารฯ จะเดินหน้ายกระดับนวัตกรรมบริการดิจิทัล แบงกิ้ง อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับธุรกรรมแบบไร้ขีดจำกัดเรื่องเวลา สถานที่ ผ่านอุปกรณ์ใช้งานเทคโนโลยีทุกรูปแบบที่สอดคล้องกับความนิยมที่ทันสมัยอยู่เสมอ ช่วยให้ลูกค้าบุคคลและธุรกิจสามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ จากทุกมุมโลก ตอบสนองการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ และพร้อมรองรับการเปิดการค้าเสรีเออีซีตลอดจนการค้าข้ามประเทศทุกระดับ
นอกจากนี้ การปรับระบบใหม่จะเอื้อให้ธนาคารฯ ออกผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายและเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดยิ่งขึ้น พร้อมตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ทันท่วงที และด้วยระบบที่มีความทันสมัยจะช่วยให้ธนาคารฯ สามารถรายงานข้อมูลทางการเงินของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ยิ่งขึ้น รวมทั้งช่องทางที่ธนาคารฯ จะเชื่อมต่อเพื่อการให้ข้อมูลลูกค้าก็จะมีความหลากหลายขึ้นด้วย ผันเปลี่ยนตามนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายบัณฑูรกล่าวตอนท้ายว่า การปรับระบบไอทีหลักของธนาคารกสิกรไทยเป็นก้าวสำคัญเพื่อไปสู่การปรับโฉมการให้บริการของธนาคารฯ เพื่อเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ เป็นยุคที่ธุรกรรมและการค้าไร้พรมแดนเกิดธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากทุกมุมโลก ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเล็งเห็นแนวโน้มดังกล่าว จึงมีการจัดตั้งโครงการพิเศษเพื่อพัฒนาระบบให้รองรับ โดยมีพนักงานและทีมงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศร่วมดำเนินโครงการนี้อย่างต่อเนื่องหลายปี จึงแล้วเสร็จเป็นระบบไอทีหลักใหม่ดังกล่าว ทั้งหมดนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของธนาคารฯ ในการเพิ่มศักยภาพของธนาคารฯ ให้พร้อมรองรับการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า การเตรียมความพร้อมให้สามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด พร้อมดูแลความถูกต้องปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าเป็นสำคัญ โดยธนาคารฯ มั่นใจว่าการเปลี่ยนโฉมการให้บริการหลังจากนี้ไปจะสามารถตอบสนองความต้องการของทั้งลูกค้าบุคคลและธุรกิจในทุกช่องทาง และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะได้เห็นต่อไป คือ ธนาคารกสิกรไทย มีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมบริการดิจิทัล แบงกิ้ง เพื่อรองรับการใช้งานที่มีการขยายตัว ทั้งจำนวนผู้ใช้งานและยอดธุรกรรม ดังนั้น ธนาคารฯ จะเดินหน้ายกระดับนวัตกรรมบริการดิจิทัล แบงกิ้ง อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับธุรกรรมแบบไร้ขีดจำกัดเรื่องเวลา สถานที่ ผ่านอุปกรณ์ใช้งานเทคโนโลยีทุกรูปแบบที่สอดคล้องกับความนิยมที่ทันสมัยอยู่เสมอ ช่วยให้ลูกค้าบุคคลและธุรกิจสามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ จากทุกมุมโลก ตอบสนองการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ และพร้อมรองรับการเปิดการค้าเสรีเออีซีตลอดจนการค้าข้ามประเทศทุกระดับ
นอกจากนี้ การปรับระบบใหม่จะเอื้อให้ธนาคารฯ ออกผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายและเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดยิ่งขึ้น พร้อมตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้ทันท่วงที และด้วยระบบที่มีความทันสมัยจะช่วยให้ธนาคารฯ สามารถรายงานข้อมูลทางการเงินของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ยิ่งขึ้น รวมทั้งช่องทางที่ธนาคารฯ จะเชื่อมต่อเพื่อการให้ข้อมูลลูกค้าก็จะมีความหลากหลายขึ้นด้วย ผันเปลี่ยนตามนวัตกรรมเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายบัณฑูรกล่าวตอนท้ายว่า การปรับระบบไอทีหลักของธนาคารกสิกรไทยเป็นก้าวสำคัญเพื่อไปสู่การปรับโฉมการให้บริการของธนาคารฯ เพื่อเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลเต็มรูปแบบ เป็นยุคที่ธุรกรรมและการค้าไร้พรมแดนเกิดธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมงจากทุกมุมโลก ซึ่งธนาคารกสิกรไทยเล็งเห็นแนวโน้มดังกล่าว จึงมีการจัดตั้งโครงการพิเศษเพื่อพัฒนาระบบให้รองรับ โดยมีพนักงานและทีมงานที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศร่วมดำเนินโครงการนี้อย่างต่อเนื่องหลายปี จึงแล้วเสร็จเป็นระบบไอทีหลักใหม่ดังกล่าว ทั้งหมดนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของธนาคารฯ ในการเพิ่มศักยภาพของธนาคารฯ ให้พร้อมรองรับการพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า การเตรียมความพร้อมให้สามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด พร้อมดูแลความถูกต้องปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าเป็นสำคัญ โดยธนาคารฯ มั่นใจว่าการเปลี่ยนโฉมการให้บริการหลังจากนี้ไปจะสามารถตอบสนองความต้องการของทั้งลูกค้าบุคคลและธุรกิจในทุกช่องทาง และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
วิเคราะห์ข่าว : โดย นาย สุพัฒน์ แดนโพธิ์ 56118040023
ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความสำคัญในชีวิตประจำวันอย่างมาก เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมต่างๆ การที่ธนาคารกสิกรไทยได้ปรับมาใช้ระบบ IT ในการทำธุรกรรมต่างๆ ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีเป็นอย่างมาก
กสิกรไทยปรับโฉม K-Mobile Banking Plus รับธุรกรรม 7แสนล้านบาท โต 75%
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นบริการที่ได้รับความนิยมและขยายตัวเร็วมาก เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของโทรศัพท์มือถือ ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้สะดวกทุกที่ทุกเวลาและมีความมั่นใจเรื่องระบบความปลอดภัยมากขึ้น ทำให้ ณ เดือนสิงหาคม 2556 มีผู้ใช้บริการธนาคารทางโทรศัพท์มือถือกสิกรไทย (K-Mobile Banking) กว่า 4.4 ล้านราย สูงที่สุดในประเทศไทย มียอดธุรกรรมหมุนเวียน 500,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 60% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศ อาศัยอยู่ในเขตเมือง มีเวลาในการทำธุรกรรมจำกัด ดังนั้นเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ธนาคารกสิกรไทย จึงได้พัฒนาบริการ K-Mobile Banking Plus เวอร์ชั่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตในอนาคตของคุณ” (the Best Answer for your future) ที่มีการออกแบบการใช้งานใหม่ทั้งหมด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ทำธุรกรรมทางการเงินได้ง่ายและเหมาะสมกับการใช้งานตามไลฟ์สไตล์ลูกค้าด้วยมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด สำหรับรูปแบบการใช้งานใหม่ของ K-Mobile Banking PLUS จะเน้นที่ความสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยสามารถโอนเงินผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในเครื่อง โดยไม่ต้องใช้หมายเลขบัญชี การจ่ายชำระบิลผ่านการสแกนบาร์โค้ด รวมทั้งสามารถอัพโหลดรูปหน้าบัญชีเป็นภาพต่าง ๆ ตามที่ตนเองต้องการ อีกทั้งสามารถเลือกภาพในรายการโปรดเพื่อให้จำได้ง่ายขึ้นด้วย นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทย ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำทางดิจิตอล ด้วยการจับมือ LINE ผู้นำด้านแพลตฟอร์มในการให้บริการส่งข้อความผ่านมือถือระดับโลก ซึ่งมียอดผู้ใช้งานมากถึง 240 ล้านคนทั่วโลก และมากกว่า 18 ล้านคนในประเทศไทย มากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยได้ร่วมมือกันสร้าง “Brown & Cony in KBank World” สติ๊กเกอร์หมีบราวน์และกระต่ายโคนี่ในชุดพนักงานธนาคารกสิกรไทยลักษณะต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำคาแรกเตอร์ Brown & Cony มาร่วมมือกับองค์กรธุรกิจในประเทศไทย ทั้งยังสามารถนำลิขสิทธิ์มาใช้ในการสื่อสารทางการตลาดได้อย่างเต็มรูปแบบ สร้างปรากฎการณ์แปลกใหม่ให้กับกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการของธนาคาร ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี โดยลงทะเบียนเป็นผู้ใช้บริการออฟฟิเชียล แอคเคานต์ (Official Accounts) ของ KBank Live ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้นำอันดับ 1 ในดิจิตอล แบงกิ้ง โดยให้ความสำคัญกับแนวคิด “ดิจิตอล เอ็กซ์พีเรียน” (Digital Experience) ที่นำดิจิตอลเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพลิกโฉมผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งในเชิงผลิตภัณฑ์ (Functional) และความพึงพอใจ (Emotional)วิเคราะห์ข่าว : โดย นางสาว อินทร์ชุอร ไชยโคตร 56118040025
เป็นเรื่องที่ดีที่มีแอพพลิเคชั่นนี้ขึ้นมา ทำให้ชีวิตคนที่ทำงานในองค์กรต่างๆมีความสะดวกสบายมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปธนาคาร แต่สามารถทำธุรกรรมผ่านมือถือของตัวเองได้ง่าย
KBANK มั่นใจสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้โตตามเป้า 3-5% แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังชะลอ แนะจับตา 3 ธุรกิจเริ่มสะดุด “เกษตร-ทีวีดิจิทัล-คอนโดฯต่างจังหวัด”
นายจงรัก รัตนเพียร รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) บอกว่า ผลการดำเนินงานของสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ยังสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งจากรายได้ค่าธรรมเนียม รายได้รวม และการเติบโตของสินเชื่อ โดยสินเชื่อเติบโตอยู่ที่ 3% แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว
ผู้บริหารมั่นใจว่า สินเชื่อรายใหญ่เฉลี่ยทั้งปีนี้จะเติบโต 3 - 5% รายได้ค่าธรรมเนียมโต 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ สอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า จะเติบโตที่ 2.8% แต่ในภาพรวมยังถือว่าไม่น่าห่วงมากนัก เนื่องจากลูกค้าของ KBANK ส่วนใหญ่ยังสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง และทำกำไรได้ดี
“เป้าหมายสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้ที่ 3 – 5% คิดว่า จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ศูนย์วิจัยกสิกรฯประเมินไว้ที่ 2.8% การเติบโตหลังจากนี้เราก็จะเน้นควบคุมคุณภาพ ดูแลให้คำแนะนำลูกค้าอย่างใกล้ชิด” นายจงรักกล่าว
สำหรับเป้าหมายสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้ นายจงรัก มั่นใจว่า จะสามารถควบคุมได้ไม่เกิน 1% ซึ่งปัจจุบันธนาคารไม่มี NPL ใหม่เพิ่มขึ้น
พร้อมกับมองว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ มีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจากระดับ 1.50% เพื่อสนับสนุนการฟื้นของเศรษฐกิจภายในประเทศ หากตัวเลขต่างๆยังไม่สดใสมากนัก
วิเคราะห์ข่าว : โดย นางสาว ชัญญานุช ศรีไพโรจน์ 56118040017
ธนาคารกสิกรไทย ไตรมาส 1 แม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะมีการชะลอตัวและมีภาวะเงินเฟ้อติดลบในช่วงครึ่งปีแรก แต่ผลการดำเนินงานยังสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งจากรายได้ค่าธรรมเนียม รายได้รวม และการเติบโตของสินเชื่อ โดยสินเชื่อเติบโตอยู่ที่ 3% สอดคล้องกับการขยายตัวของจีดีพีประเทศไทย
ส่วนครึ่งปีหลัง คาดว่าการ ขยายตัวจะเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัว ไม่ดีนัก อีกทั้งทิศทางเศรษฐกิจไทยยังไม่ชัดเจน
ฉันรู้สึกขอบคุณ Elegantloan ที่ได้ให้ความช่วยเหลือฉันในการขอสินเชื่อ $ 600,000.00 โดยช่วยเจ้าหน้าที่สินเชื่อ Ross Harry และฉันขอบคุณคุณตลอดไป ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปเงินของฉันได้ชำระแล้วตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของธุรกิจการค้าที่ฉันเคยดูแลความต้องการของครอบครัว ฉันรู้สึกขอบคุณคุณนายรัสและพระเจ้าอวยพรคุณ คุณสามารถติดต่อพวกเขาเพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงินผ่านทางอีเมล: Elegantloanfirm@hotmail.com เพื่อขอความช่วยเหลือทางการเงินของคุณ
ตอบลบ